พันธุ์ผสมเปิด พันธุ์ลูกผสม แตกต่างกัน มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร เลือกใช้แบบไหนดี

ชื่อเรียก โดยทั่วไป

พันธุ์ผสมเปิด หรือ พันธุ์ OP (Open-pollinated)

พันธุ์ลูกผสม หรือ พันธุ์ Hybrid (F1, F2, F3, ฯลฯ)

ความแตกต่างของ เมล็ดพันธุ์ ทั้งสองแบบ

 

พันธุ์ผสมเปิด หรือ พันธุ์ OP

พันธุ์ลูกผสม หรือ พันธุ์ Hybrid
การผลิตเมล็ดพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ ได้ จากการผสมกันเองของสายพันธุ์เดียวกัน ที่มีลักษณะที่เหมือนกัน เมล็ดพันธุ์ ได้ จากการผสมระหว่าง 2 สายพันธุ์ข้างเคียงเคียง ที่มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
ผลผลิตที่ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ เช่น ใบ ผล ดอก มีความสม่ำเสมอ และใกล้เคียงกัน ส่วนมากนักปรับปรุงพันธุ์ จะมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาสายพันธุ์เพื่อจุดประสงค์ บางอย่าง เช่น ความสม่ำเสมอมาก การทนต่อโรคพืช รสชาติหวานจัด ผลผลิตต่อพื้นที่เพาะปลูก เป็นต้น จุดเด่นจึงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการพัฒนาสายพันธุ์นั้นๆ
เมล็ดที่ได้ในรุ่นต่อๆ ไป หากปลูกในพื้นที่ส่วนตัว และมีโอกาสน้อยในการผสมกับเกสรของสายพันธุ์ข้างเคียง (เช่น แอปเปิ้ลแดง กับ แอปเปิ้ลเขียว) หลังจากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ผสมเปิด (หรือ พันธุ์ OP) รุ่นที่ 1 แล้วได้เมล็ดรุ่นที่ 2 จะมีความใกล้เคียงกับเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูกใน รุ่นที่ 1 จึงสามารถเก็บเมล็ดที่ได้ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ในการปลูกรุ่นต่อๆ ไปได้อีกเรื่อยๆ เมล็ดพันธุ์ลูกผสม (หรือ พันธุ์ Hybrid) ได้จากความตั้งใจในการผสมข้ามสายพันธุ์ข้างเคียง (เช่น แอปเปิ้ลแดง กับ แอปเปิ้ลเขียว) หลังจากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ลูกผสม (หรือ พันธุ์ Hybrid)รุ่นที่ 1 แล้วได้เมล็ดรุ่นที่ 2 จะแตกต่างกับเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ปลูกใน รุ่นที่ 1 อย่างมีนัยยะ จึงไม่สามารถเก็บเมล็ดที่ได้ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ในการปลูกรุ่นต่อๆ ไปได้
ต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนต่ำกว่า เนื่องจากสามารถเพาะในพื้นที่ปิด และปล่อยให้เกิดการผสมกันเองในสายพันธุ์เดียวกัน ต้นทุนสูงกว่า เพราะนอกจากต้องเพาะในพื้นที่ปิดแล้ว ต้องจัดการผสมพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ ตามที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น

บทสรุป

ทั้ง เมล็ดพันธุ์ผสมเปิด (OP) และ เมล็ดพันธุ์ลูกผสม (HYBRID) ต่างก็มีทั้ง มีข้อ ข้อเสีย จุดเด่น และราคาที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรก คือ ความต้องการของตลาด และผู้บริโภค เช่น หากสายพันธุ์ผสมเปิด (OP) ให้ผลผลิตที่น้อยกว่านิดหน่อย แต่ปลูกง่าย และทานอร่อยกว่า พันธุ์ลูกผสม (HYBRID) ก็ควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ผสมเปิด (OP) แต่หากต้องการจุดเด่นบางอย่างจากสายพันธุ์ลูกผสม (HYBRID) เช่น ผลผลิตที่สูงกว่า และได้น้ำหนัก หรือรสชาติบางอย่าง ก็อาจลงทุนสูงขึ้นเพื่อเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสม (HYBRID) นั้นๆ

โดยทั่วไปแล้ว ผัก หรือ ผลไม้พื้นบ้าน จะมีรสหวานธรรมชาติ เป็นรสชาติที่คุ้นเคย และปลูกไม่ยาก เรามักเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ผสมเปิด (OP) เป็นหลัก ส่วนพืชเศรษฐกิจบางชนิด ที่มีความต้องการของตลาดชัดเจน หรือปลูกยาก เช่น ข้าวโพดหรือผลไม้บางชนิดที่ต้องการความหวานเป็นพิเศษ หรือ ผักที่ต้องการให้ได้ขนาดพอดีจานในร้านอาหารหรือภาชนะบรรจุในการจัดส่งเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง ก็อาจลงทุนเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสม (HYBRID) ที่มีต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่สูงกว่า

กลับสู่ สาระน่ารู้

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *